Thursday, 23 March 2023

เส้นทางประท้วงใหญ่ในจีน ความไม่พอใจที่ลุกลามเป็นการขับไล่ “สี จิ้นผิง”

ประท้วงในจีน นโยบายปราศจากโควิดเป็นเหตุ ไล่เรียงที่มาการต่อต้านในจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อขับไล่ไสส่ง “สี จิ้นผิง”

“จีน” กับ “การต่อต้าน” ดูเหมือนจะเป็น 2 คำที่ไม่น่าจะอยู่ด้วยกันได้ ด้วยลักษณะการปกครองของจีนที่ออกจะเอาจริงเอาจังให้ประชาชนอยู่ใต้กฎ จนกระทั่งประชาชนไม่กล้าหือกับทางการ

อย่างไรก็แล้วแต่ ในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ทั้งโลกได้เห็นในสิ่งที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้เห็น นั่นคือการต่อต้านในหลายพื้นที่ทั่วทั้งประเทศจีน และร้ายแรงถึงขั้นมีการเรียกร้องให้ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ออกมาจากตำแหน่ง ซึ่งเกิดเรื่องที่เขาไม่เคยพบมาก่อนตลอดระยะเวลาที่ดูแลประเทศ 10 ปี

หลายคนบางทีอาจสงสัยว่า เรื่องราวในประเทศจีนดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง นิวมีเดีย พีพีทีวี ได้ไล่ลำดับเรื่องราวสำคัญที่เอามาสู่การต่อต้านใหญ่คราวนี้

เรื่องราวทั้งหมดจำเป็นต้องย้อนไปตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งพบการระบาดของ “เชื้อไวรัสโรคปอดปริศนา” ในเมืองอู่ฮั่น บริเวณหูเป่ย์ เป็นที่แรกในโลก และเมื่อองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้มันเป็นโรคระบาดใหญ่ (Pandemic) ด้วยชื่อสากลว่า “โควิด-19” ทางการจีนก็ตัดสินใจที่จะใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์ (Lockdown)” เมืองอู่ฮั่นเป็นที่แรก

ประท้วงในจีน โควิด ล็อกดาวน์

ประท้วงในจีน มาตรการล็อกดาวน์คือการสั่งปิดเมือง

ห้ามคนเข้าออก และห้ามไม่ให้ประชาชนออกมาจากบ้านโดยไม่จำเป็น กระนั้นโควิด-19 ก็ยังคงเล็ดรอดและแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของจีนอยู่ดี เป็นต้นว่า กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ซินเจียง ฯลฯ

ทางการจีนจึงประกาศนโยบาย “Zero COVID” หรือโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อควบคุมและลดการระบาดของโควิด-19 ในระดับที่จำเป็นต้องไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศเลย ผ่านมาตรการล็อกดาวน์และกฎที่เอาจริงเอาจังต่างๆ

อย่างไรก็แล้วแต่ การล็อกดาวน์ที่นานเกินไปเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คน รวมทั้งต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ความไม่ชอบใจเริ่มก่อตัว ซึ่งประชาชนก็เลือกที่จะระบายความไม่ชอบใจผ่านสื่อโซเชียลมีเดียภายในประเทศ เป็นต้นว่า เวยปั๋ว

กลับเปลี่ยนเป็นว่า ข้อมูลหรือรายละเอียดที่เกี่ยวกับความไม่ชอบใจที่ประชาชนมีต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หรือการบอกเล่าเรื่องราวและผลพวงด้านลบของการล็อกดาวน์ เป็นต้นว่า การขาดแคลนของกิน การไม่อาจจะดำเนินการได้ กลับถูก “เซ็นเซอร์” และถูกลบออกจากโซเชียลมีเดียทั้งหมด

ความไม่ชอบใจเริ่มร้ายแรงขึ้น เมื่อโรงหมอชั่วคราวหรือสถานที่กักกันผู้ติดเชื้อนิดหน่อยมีภาวะที่ย่ำแย่ และเกิดการบังคับกักตัวอย่างไม่ถูกกฎหมายด้วยการใช้ความรุนแรง

กระทั่งในเดือน พ.ย. 2021 โลกพบการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) และเปลี่ยนภัยรุกรามใหม่ต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน เมื่อมันสามารถหลุดรอดเข้ามาได้ในช่วงช่วงเวลากลางเดือน ธันวาคม 2021 และแพร่ไปเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซี่ยงไฮ้

ประชาชนจีนคิดว่า การหลุดรอดเข้ามาของโอมิครอนเป็นตัวบ่งชี้ว่า นโยบาย Zero COVID และมาตรการล็อกดาวน์เป็นสิ่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไร้ประโยชน์ และมีแต่จะสร้างผลร้ายต่อเศรษฐกิจจีนและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้ความมั่นใจและความเชื่อมั่นในทางการจีนของประชาชนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ

ยิ่งกว่านั้น เซี่ยงไฮ้ถูกล็อกดาวน์ภายใต้มาตรการที่เอาจริงเอาจัง ทำให้ประชาชนขาดแคลนของกินและยา เวลาที่กฎสำคัญของการล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้อย่าง “การแยกคนที่ติดเชื้อออกมาจากคนที่ไม่ติดเชื้อ” ก็ทำให้มีการพรากลูกไปจากพ่อแม่โดยไม่ยินยอม ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการฆ่าสุนัขทิ้ง ถ้าหากเจ้าของติดโควิด-19 ซึ่งจีนอ้างถึงว่าเพื่อป้องกันการกระจายเชื้อ ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานแจ่มแจ้งว่า สุนัขสามารถแพร่โควิด-19 มาสู่คนได้หรือเปล่า

หรือเมื่อครั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวบริเวณเสฉวนช่วงต้นเดือน ก.ย. ประชาชนก็วิพากษ์วิจารณ์ทางการจีน เพราะว่ามีการสั่งห้ามไม่ให้ประชาชนอพยพหรือหนีออกมาจากอาคาร เนื่องจากยังมีการ “ล็อกดาวน์” ป้องกันโควิด-19 อยู่

เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ความไม่ชอบใจของประชาชนถูกสุมไปเรื่อยและเกิดการปะทุระลอกเล็กในช่วงสิ้นเดือน ตุลาคม ที่มีการต่อต้านในช่วงที่มีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งนับว่าเป็นการเกิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังพบผู้ติดเชื้อในโรงงานของ ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ฐานผลิตไอโฟนรายใหญ่ในเมืองเจิ้งโจว จนกระทั่งจำเป็นต้องล็อกดาวน์พนักงานกว่า 200,000 คนเอาไว้ในเขตโรงงาน แต่ในวันที่มีการประกาศล็อกดาวน์ ปรากฏภาพแรงงานเยอะมากๆ “แห่หนีตาย” ออกมาจากโรงงาน เพราะว่าไม่ต้องการถูกกักตัว

ประท้วงในจีน Zero Covid สีจิ้นผิง

การล็อกดาวน์เหมือนจะเรียบร้อยด้วยดี

แต่พนักงานหลายร้อยคนกลับออกมาต่อต้าน ประท้วงในจีน ทำลายข้าวของและกล้องวงจรปิด นิดหน่อยทะเลาะวิวาทและปะทะกับข้าราชการ จนกระทั่งควรจะมีการใช้แก๊สน้ำตา

พนักงานกล่าวว่า พวกเขาได้รับการกระทำที่ไม่ดี ของกินที่จัดไว้ไม่เพียงเพียงพอ พนักงานใหม่หลายคนไม่ได้โบนัสพิเศษอย่างที่บริษัทข้อตกลงไว้ และหลายคนเริ่มหนักใจว่าโควิดจะระบาดแพร่กระจาย

กระทั่งในช่วงช่วงเวลากลางเดือน พ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณว่าทางการจีนกำลังจะยอมผ่อนคลายมาตรการ ทำให้ชาวจีนเพียงพอจะมีความหวังได้บ้างว่าจะหลุดพ้นจากความเข้มงวดนี้เสียเชิง พร้อมด้วยเริ่มมีการต่อต้านอย่างเป็นทางการทีแรกในกว่างโจวช่วงวันที่ 15 พ.ย.

แต่เมื่อเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการนิดหน่อย จีนกลับรายงานพบผู้ติดเชื้อทะลุ 30,000 รายตั้งแต่ช่วงวันที่ 23 พ.ย. มากที่สุดตั้งแต่แมื่อมีการระบาดของโควิด-19 ในจีน จนกระทั่งมีการประกาศเข้มมาตรการอีกที

จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชาวจีนระเบิดความไม่ชอบใจออกมา คือเหตุอัคคีภัยอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมือง “อูหลู่มู่ฉี” ของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งมีคนเสียชีวิต 10 ราย

ที่ความไม่ชอบใจปะทุออกมาก็สืบเนื่องมาจากนักดับเพลิงไม่อาจจะฉีดน้ำเข้าไปดับเพลิงในอาคารได้ เพราะว่ามี “แบร์ริเออร์” กั้นเขตล็อกดาวน์ และรถราของผู้อยู่อาศัยในอะพาร์ตเมนต์ขวางกั้นอยู่

ความไม่ชอบใจทั้งหมดที่ประชาชนชาวจีนสั่งสมมาเกือบ 3 ปีจึงระเบิดออก เปลี่ยนเป็นการต่อต้านใหญ่ในหลายเมืองทั่วทั้งประเทศจีน โดยคำเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงคือ ต้องการที่จะให้มีการยกเลิกนโยบายปราศจากโควิด เรียกร้องเสรีภาพสำหรับการแสดงออก เรียกร้องให้ สี จิ้นผิง ลาออก และเรียกร้องให้มีการยุบพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ยังไม่มีผู้ใดสามารถประเมินได้ว่า ความปั่นป่วนภายในประเทศจีนคราวนี้จะขยายตัวหรือร้ายแรงขึ้นหรือเปล่า แต่นี่นับว่าเป็นบทเรียนสำคัญของจีนเลยว่า การไม่รับฟังเสียงของประชาชนนั้น จะส่งผลตามมายังไง จากความไม่ชอบใจที่เป็นเหมือนแค่ไฟที่ปลายไม้ขีดไฟเล็กๆกลับแพร่กระจายบานปลายเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองที่ร้ายแรงระดับกองเพลิงกองย่อมๆ